BIG APPLE


ส่วนประกอบ

  1. L-Cysteine
  2. Superoxide Dismutase
  3. Astaxanthin
  4. Alpha Lipoic Acid
  5. Coenzyme Q10
  6. L-Arginine
  7. Triple Stemcel
       7.1 Stem Cell จาก Apple
       7.2 Stem Cell จากองุ่นแดง พันธุ์ red-flesh
       7.3 StemCell จากกุหลาบที่ขึ้นบริเวณเทือกเข้าแอล์ป

Superoxide Dismutase

    SOD เป็นเอนไซม์ที่สังเคราะห์ได้จากตับของเราเองตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุประมาณสิบแปดปีหลังจากนั้นจะหยุดสังเคราะห์หรือสังเคราะห์น้อยลงเมื่อเราป่วยหรือเซลล์ผิดปกติ การรับประทานSODเสริมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อชดเชยและบำบัดความเจ็บป่วย
ที่เกิดจากการขาด SOD                                  
ผู้ที่ขาด SOD โดยสิ้นเชิง ==>อาจเสียชีวิตได้                                      
ผู้ที่ขาด SOD เกินครึ่ง ==>อาจป่วย                                
 ผู้ที่ขาด SOD ไม่เกิน30% ==>อาจแก่เร็วและเกิดโรคเสื่อมได้ง่าย
ผู้ที่มี SOD เกิน 100% ==>จะแก่ช้าและสุขภาพแข็งแรง         
  การรับประทานเอนไซม์ SOD เข้าไปเพื่อเสริม SOD แก่ร่างกายและเร่งให้ร่างกายสร้างเอนไซม์อื่นๆที่จำเป็นต่อสุขภาพเช่น           
Catalase : ช่วยเพิ่มออกซิเจนแก่ร่างกายมีผลเพิ่มพลังงานล้างพิษฆ่าเชื้อเร่งการเผาผลาญ ไขมัน          
Glutathione Peroxidase : มีผลบำรุงตับล้างพิษช่วยให้หน้าใสกระชับรูขุมขนสร้างคอลลาเจนชะลอแก่          
 Proteaseช่วยย่อยโปรตีนลดสารตกค้างที่ก่อให้เกิดมะเร็งลดความเสี่ยงต่อโรคเกาต์          
 Amylase : ช่วยย่อยแป้งป้องกันเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดลดความอ้วน          
 Lipase : ช่วยย่อยไขมันป้องกันโรคไขมันล้นเกิน โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน 

นอกจากนี้ยังเร่งกระบวนการสร้างเอนไซม์ที่มีผลลดการอักเสบของร่างกาย อาทิการอักเสบของข้อต่อการอักเสบของกล้ามเนื้อลดอาการบวมช่วยให้แผลหายเร็วมีผลลดความเสื่อมของร่างกายบำรุงประสาทช่วยให้หลับลึกหลับสนิท

L-Arginine

            แอล-อาร์จินีน(L-Arginine)คือกรดอะมิโน ที่ถือว่าเป็น “โมเลกุลมหัสจรรย์”       มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมหาศาลเพราะ แอล-อาร์จินีน จะกระตุ้นให้ร่างกายผลิต ไนตริกออกไซด์(nitric oxide) เพื่อช่วยในเรื่องการขยายตัวของหลอดเลือด รวมทั้งกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญในการคงความเป็นหนุ่มเป็นสาว ช่วยชะลอความชรา

            Growth Hormone คือ ฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมใต้สมอง ร่างกายจะต้องผลิตออกมาใช้เพื่อการเจริญเติบโต เสริมสร้างและซ่อมแซมร่างกายตลอดชีวิต แต่หลังจากอายุ 23 ปี ร่างกายตลอดชีวิต แต่หลังจากอายุ 23 ปี ร่างกายกลับหลั่งโกรทฮอร์โมน ได้น้อยลงไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ร่างกายของเราเริ่ม “แก่ชรา” เซลล์ผิวหนังเริ่มเหี่ยวย่น ผมเริ่มหงอก สมรรถภาพทางเพศเริ่มลดลง ประสิทธิภาพทางร่างกายเริ่มเสื่อม จึงเป็น สาเหตุของโรคเสื่อม เช่น โรค หัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน  ซึ่งโรคดังกล่าวเป็น โรคที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์

Astaxanthin

     สารต้านอนุมูลอิสระอันโดดเด่นและทรงประสิทธิภาพสกัดจากสาหร่ายสีแดงที่พบเฉพาะในโขดหินบริเวณหมู่เกาะสต็อกโฮล์มของสวีเดนเท่านั้นสาหร่ายสีแดงนี้อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระชื่อ "Astaxanthin" ที่ช่วยปกป้องตัวเองจากการถูกทำลายของอนุมูลอิสระจากรังสียูวีในแสงแดด รวมถึงความเค็มของน้ำทะเลที่ชะล้างโดยการเปลี่ยนสีตัวเองจากสีเขียวเป็นสีแดงเพื่อให้ตัวเองดำรงค์อยู่ได้และจากผลการวิจัยพบว่าแอสต้าแซนธินนั้นมีคุณสมบัติที่มีประสิทธิภาพเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าสารต้านอนุมูลอิสระทั่วไป
แอสตาแซนธิน(Astaxanthin)เป็นสารที่มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินซี 6,000 เท่า, CoQ10 800 เท่า, วิตามินอี 550 เท่า, Green tea catechins 550 เท่า, Alpha lipoic acid 75 เท่า, เบต้าแคโรทีน 40 เท่าและสารสกัดจากเมล็ดองุ่น 17 เท่า

เนื่องด้วยสูตรโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ของแอสตาแซนธินในการปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ในอวัยวะต่างๆของร่างกายซึ่งแตกต่างกับเบต้าแคโรทีนวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นที่แค่ช่วยปกป้องแค่ภายในหรือภายนอกของเยื่อหุ้มเซลล์พบว่าแอสตาแซนธิน มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ได้ทั้งภายในและภายนอก 

Coenzyme Q10

       CoQ10 เป็นสารซึ่งเป็นองค์ประกอบในไมโตคอนเดรีย ทำหน้าที่ผลิตพลังงานให้กับเซลล์ของร่างกาย เปรียบดั่งหัวเทียนรถยนต์ซึ่งรถยนต์จะไม่สามารถวิ่งได้ถ้าปราศจากหัวเทียน       ผิวหนังมีหน้าที่ในการป้องกันสารพิษเชื้อโรคและรังสีอัลต้าไวโอเลต(Ultraviolet) จากแสงอาทิตย์โดยรังสีอัลตร้าไวโอเลตนี้มี 2 ชนิดคือ UVA และ UVB แต่ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดริ้วรอยจะเป็นรังสี UVA โดย UVA สามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนังถึงชั้นหนังแท้และจะเริ่มต้นในการสร้างอนุมูลอิสระ(Free Radical) ซึ่งอนุมูลอิสระนี้เป็นผลิตผลที่เกิดขึ้นจากกระบวนการออกซิเดชั่น (Oxidation) อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นนี้ก็จะทำอันตรายต่อไขมันโปรตีนและสารพันธุกรรม(DNA) ในเซลล์ผิวหนังรวมถึงทำให้เกิดการทำลายของคอลลาเจน(Collagen) และโครงสร้างอื่นๆของผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นขาดความกระชับเกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำ CoQ10 เป็นสารต้านออกซิเดชั่น(Antioxidant) โดยจะไปป้องกันไม่ให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นที่จะทำให้อนุมูลอิสระซึ่งจะทำอันตรายต่อผิวหนังนอกจากนี้ CoQ10 พบมากที่ผิวหนังชั้นนอก(Epidermis)มากกว่าที่ผิวหนังชั้นใน(Dermis)ซึ่งเป็นผิวหนังชั้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากรังสี UVA จึงเป็นข้อดีอีกประการที่จะช่วยขจัดอนุมูลอิสระ(Free radical) ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอยและความหมองคล้ำมีงานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลของ CoQ10 ต่อการลดริ้วรอยมากมายว่าสามารถทำให้ความลึกของริ้วรอยลดลงเช่นการศึกษาของGerson Unna พบว่าภายหลังที่กลุ่มทดลองได้รับ CoQ10 ในระยะเวลา 6 สัปดาห์ริ้วรอยลดลงกว่า 27 % และเมื่อได้รับ CoQ10 ต่อไปเป็นระยะเวลา 10 สัปดาห์ริ้วรอยลดลงกว่า 43%

Alpha Lipoic Acid

       อาหารเสริมอันดับต้นๆ ที่นิยมกันทั่วโลกในขณะนี้เจ้าของฉายา “Universal antioxidant” กรดแอลฟาไลโปอิค มีคุณสมบัติเหมือนวิตามิน สามารถสร้างขึ้นได้เองในร่างกายของเรา แต่ก็จะสร้างในปริมาณเล็กน้อยแต่คงที่ โดยมนุษย์เรามีความจำ เป็นที่ต้องรักษาระดับของกรดแอลฟาไลโปอิคให้สูงเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อรักษาสุขภาพที่สมบูรณ์ ซึ่งในบางสภาวะที่ร่างกายเจ็บป่วยอ่อนแอก็ไม่อาจสร้าง กรดแอลฟาไลโปอิค ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายได้ การวิจัยทางคลินิกแสดงให้เห็นว่ากรดแอลฟาไลโปอิคสามารถป้องกัน “photodamage” หรือการทำร้ายผิวจากแสงแดดได้ และกรดแอลฟาไลโปอิค ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่แรง ช่วยป้องกันเซลล์เนื้อเยื่อร่างกายช่วย ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ครอบคลุมทุกส่วนในร่างกาย ช่วยปกป้องเซลล์จาก การถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบของสิว และลดการเกิดสิวอีกทั้งกรดแอลฟาไลโปอิคยังส่งเสริมการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

L-Cysteine

            L-Cysteine เป็นสารตั้งต้นในการสร้าง Glutathione ให้กับร่างกายโดย L-Cysteine จะทำงานร่วมกันกับ Glycine (ไกลซีน) และ Glutamic acid ทีมีมากในร่างกายและสารที่จะสั่งให้เกิดการสร้างอนุพันธ์โมเลกุลเป็น Glutathione คือ Vitamin C หรือ Calcium Ascorbate (แคลเซียมเอสคอเบต) สร้างที่ตับโดยมีประโยชน์ดังนี้
    Detoxification การขจัดสารพิษด้วยร่างกายสร้างGlutathioneซึ่งจะเป็นตัวที่ผลิตเอนไซม์ในร่างกาย โดยเฉพาGlutathione-S-transferaseที่ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกายโดยทำการเปลี่ยนสารพิษชนิดที่ไม่ละลายในน้ำเช่นโลหะหนักสารระเหยยาฆ่าแมลง ให้เป็นสารที่ละลายในน้ำได้ดีขึ้นทำให้ง่ายต่อการกำจัดออกจากร่างกาย
    Antioxidants ช่วยป้องกันสมองและตับจากการถูกทำลายจากการดื่มแอลกฮอล,ยาและการสูบบุหรี่โดยจะเข้าไปช่วยต่อต้านสารพิษสร้างสารแอนตี้ออกซิเดนซ์ โดยทำงานร่วมกันกับ VitaminC ซ่อมแซมสารพันธุกรรมที่อาจกลายเป็นมะเร็งได้และนอกจากนี้ยังช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทซิเนส (Tisanes) ไม่ให้เปลี่ยนเป็น โดปาควินโนน (Dopaquinone) จึงมีผลทำให้สร้างเม็ดสีน้อยลงทำให้มีผิวขาวฝ้ากระ  จุดด่างดำลดเลือนลง
    ชลอปฏิกริยาแห่งวัยของร่างกาย(การแก่ของเซลล์)ส่งผลให้ผิวเนียนเรียบเปล่งปลั่ง นอกจากนั้นยังช่วยเสริมสร้างการซ่อมแซมผิวไหม้,ช่วยการเผาผลาญไขมันเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงลดภาวะกล้ามเนื้อวาย
Immune-System-Enhancer เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยสร้างเอนไซม์กระตุ้นให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอมส่งเสริมการทำงานของเม็ดเลือดขาวในการกำจัดแบคทีเรียไวรัสเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายจากการฉายรังสี

Triple Stemcell

เซลล์ต้นกำเนิดจากพืช
ที่ใช้เทคโนโลยีจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยการเตรียมเซลล์ของ พืชและผลไม้ ให้อยู่ในรูปของ
Liposomal หรือ ถุงที่มีความแข็งแรงและมีขนาดเล็กมาก เพื่อเก็บ Stem Cell ให้คงคุณค่าสูงสุด พืชและผลไม้ที่นำมาใช้มี 3 ชนิด ได้แก่
        Stem Cell จาก Apple พันธุ์ UttwilerSpätlauber ซึ่งเป็นแอปเปิ้ลพันธุ์หายากที่สุดใน Switzerlandซึ่งมีความสามารถอันโดดเด่นทางด้านการกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับเซลล์ จากการทดลองพบว่า Stem Cell จาก แอปเปิ้ลช่วยสร้างเสริมการผลิตเซลล์ผิวใหม่ และช่วยให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์และชะลอริ้วรอยแห่งวัยได้อย่างดีเยี่ยม
•         Stem Cell จากองุ่นแดง พันธุ์ red-flesh ซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านแสงยูวี จากการ ทดลองพบว่า Stem Cell จาก องุ่นแดงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และช่วย ทำให้ เซลล์แข็งแรงมากยิ่งขึ้นทำให้เซลล์กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
•         Stem Cell จากกุหลาบที่ขึ้นบริเวณเทือกเข้าแอล์ป ที่มีอากาศหนาวเย็น แห้งและมี แสงแดดแรง ทำให้กุหลาบชนิดนี้สามารถทนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงมาก ได้เป็นอย่างดี จากการทดลองพบว่า Stem Cell จากกุหลาบสามารถช่วยเพิ่ม ความสามารถในการทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมต่างๆได้เป็นอย่างดี

Pages - Menu